เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) สามารถกรองเชื้อไวรัสได้ดีขนาดไหน
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

บทความ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) สามารถกรองเชื้อไวรัสได้ดีขนาดไหน


เคยสงสัยกันไหมว่า เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่เราใช้กันทุกวัน นั้นมันสามารถ ช่วยในเรื่องของการ กรองไวรัส ในบ้านได้ดีขนาดไหน วันนี้เราจะพา ทุกคนไปหาคำตอบเหล่านั้นกัน

 

            ในปัจจุบัน เราต้องยอมรับเลยว่า ไวรัสโควิด 19 ถือว่า เป็นภัยอันตรายอย่างมกา ต่อสุขภาพร่างกาย ของเรา รวมไปถึง มันยังสงผลกระทบเป็นวงกว้าง และทำให้ ใคร ๆ หลาย ๆ ได้รับผลกระบทอย่างมาก และวันนี้ เราจะมาพูดถึงกันว่า เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) สามารถ กรองเชื้อ ไวรัส เหล่านี้ได้หรือไม่ วันนี้เราจะพาทุคนไปหาคำตอบกัน

 

            สำหรับ ไวรัสโควิด 19 แพร่เชื้อได้อย่างไร ? เราจะมาบอก เหตุ ผลให้ฟันกันเข้าใจกันก่อนว่า ไวรัส มันเกิดในครั้งนี้เป็นอุบัติใหม่ และ เรายังคงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีที่ไวรัสแพร่กระจายอยู่ผ่านกระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และ ทางการแพทย์ ซึ่งไวรัสนี้เป็นไวรัสกลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน SARS-CoV-2 หรือ Severe Acute Respiratory Syndrome – Coronavirus 2 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย หรือ ละอองในอากาศ ( Aerosol ) เช่นเดียวกับโรคหัด และ ไข้หวัดใหญ่ เมื่อไวรัสเดินทางมาสัมผัสกับเยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น เยื่อบุในตา เยื่อบุโพรงจมูก และ เยื่อบุในปาก จะเกิดติดเชื้อ เจ็บป่วย ถึงขั้นเสียชีวิตได้

           

            แล้วไอเจ้า เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มันสามารถ ไปช่วย กรองเชื้อไวรัสได้อย่างไร ? กันนะ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เราต้องบอกเลยว่า มันคือ ระบบกรองจะใช้แผ่นกรองในการ กำจัดอนุภาคออกจากอากาศและ ด้วยการจับให้ติดอยู่กับ โครงตาข่าย และ โดยส่วนใหญ่ แล้วตาข่ายนั้น แบ่งออกเป็นชนิดใยแก้วแท้ และ รวมไปถึง มัน ใยสังเคราะห์ และ ซึ่งแต่ละชนิดนั้นมีข้อดี และ ข้อด้อยที่แตกต่างกัน

 

  • สำหรับ แผ่นกรอง HEPA หรือ ( High Efficiency Particulate Air ) ถือว่า นั้นส่วนมากผลิตจากใยและ รวมไปถึง การ สังเคราะห์ที่มีการเพิ่มประจุไฟฟ้าสถิตไว้ บนเส้นใยเพื่อ ที่จะสามารถไป ช่วย ในเรื่องของ ดักจับอนุภาค ให้ติดกับตาข่าย และ ซึ่งมีข้อจำกัดมากกว่า เพราะ เมื่อ ที่เรา ใช้ไประยะหนึ่งตัวกรองจะสะสมอนุภาคไว้มากเกินไปจนเต็ม ประจุ ไฟฟ้าสถิตบนเส้นใยที่ช่วยดึงอนุภาคไว้ก็จะลดลงด้วย ความสามารถในการกรองจึงสูญเสียไปเมื่อใช้กรองไปสักระยะหนึ่ง
  • สำหรับ มาตรฐาน ที่ใช้ ในเรื่องของการ อ้างอิงแผ่นกรอง HEPA นั้น ถือว่า เป็นการ เทียบการกรองอนุภาคขนาด ประมาณ 0.3 ไมครอน เท่านั้น หรือ อาจจะ มีขนาดใหญ่กว่าไวรัสทั่วไปถึง ประมาณ 3 เท่า กันเลยทีเดียว ( ไวรัสที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ 0.02 ไมครอน ) และสำหรับ ส่วนมาตรฐานที่ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) นิยม อ้างอิงคือ CADR – Clean Air Delivery Rate ซึ่งทำการทดสอบเพียง 20 นาที และ ทดสอบเพียงฝุ่น เกสรดอกไม้ ควันบุหรี่ เท่านั้น จึงไม่สามารถสะท้อนประสิทธิภาพที่แท้จริงเมื่อต้องใช้ในชีวิตประจำวันได้
  • สำหรับ แผ่นกรองระดับ HyperHEPA ที่สามารถ ถูก ผลิตจากใยแก้ว และ แท้ซึ่งมีความ ละเอียดถึง 0.003 ไมครอน และมันยัง จึง สามารถ ช่วยในเรื่องของการ กรองอนุภาคขนาดเล็ก ละเอียด ( Ultrafine particles ) ขนาด 0.1 ไมครอนได้ หากนำมาเปรียบเทียบกับอนุภาคในอากาศที่เล็กที่สุดในโลกที่ถูกค้นพบคือ 0.003 ไมครอน ไวรัสที่เล็กที่สุดในโลกมีขนาด 0.02 ไมครอน ส่วนไวรัสสายพันธุ์โคโรนานั้นมีขนาดประมาณ 0.06 ถึง 0.14 ไมครอน ทั้งหมดนี้เล็กกว่า PM 2.5 หลายร้อยเท่า และ ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า โดยแผ่นกรองระดับ HyperHEPA ที่ผลิตจากวัสดุใยแก้วแท้ นั้นมีคุณสมบัติในการดักจับอนุภาคเหล่านี้ได้ดีกว่า และ ยังทำงานได้เต็มที่ตลอดอายุการใช้งาน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ความจำเป็นของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )

ทำห้องทำงานให้น่านั่งด้วย เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )


Tag :