มลภาวะทางอากาศ (Air pollution) มีสารมลพิษ (Pollutants) เป็นปัจจัยภายนอกอีกสิ่งหนึ่งนอกจากแสงแดดและการสูบบุหรี่ ทำให้ผิวหนังแก่ก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะ อนุภาคของละอองฝุ่น
ปัญหาทางผิวหนังกับอาการแพ้ฝุ่น
ปัญหาทางผิวหนังที่ก่อให้เกิดอาการแพ้จากมลภาวะ ได้แก่
1) Sensitive skin คือผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย ผิวแพ้ง่าย
2) Eczema หรือผิวหนังอักเสบ มีอาการแพ้ฝุ่น ทั้ง ผื่นผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (atopic dermatitis) และ ผื่นแพ้สัมผัส (contact dermatitis)
3) สิว และผิวมัน (acne and excess sebum) มีการศึกษาที่พบว่ามลภาวะทำให้มีการหลั่ง sebum เพิ่มมากขึ้น โดยพบสาร squalene oxides ในสิวอุดตันทั้งแบบหัวเปิดและหัวปิด และพบว่าการเกิดออกซิเดชั่นของสาร squalene นี้เพิ่มขึ้นถึง 3.5 เท่า เมื่อมี UVA ร่วมกับมลภาวะ เทียบกับ UVA เดี่ยว ๆ
4) ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
5) ริ้วรอย
6) จุดด่างดำ หมองคล้ำ
ลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ฝุ่น ด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันผิวหนังจากมลภาวะทางอากาศ ที่ช่วยลดการแพ้ฝุ่นหรือผื่นขึ้นจากมลภาวะเริ่มเป็นที่ต้องการมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวระคายเคืองง่าย (sensitive skin) หรือมีโรคผิวหนังอยู่แล้ว จากการศึกษาทางคลินิกภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังพบว่า การป้องกันการเกิดอาการแพ้ฝุ่น ป้องกันการผื่นขึ้น จำเป็นต้องดูแลผิวให้ครบ 4 ขั้นตอน สำหรับขั้นตอนการลดปริมาณสารมลภาวะบนผิวหนังมีดังนี้
1. ทำความสะอาด: Purify
ล้างทำความสะอาด ขจัดสารอนุภาคละอองฝุ่นที่ตกค้าง ออกจากผิวหนังโดย 3 ขั้นตอนดังนี้
1.1 ไม่เป็นการทำความสะอาดที่มากเกินไป ซึ่งจะทำลายเกราะปราการชั้นผิว ล้างหน้าวันละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอ ไม่ควรขัดหน้าหรือถูแรง ๆ
1.2 ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจดตั้งแต่การเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าเบื้องต้นด้วยไมเซล่า คลีนซิ่ง วอเตอร์และเจลล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของผู้ใช้ เช่น ผิวแห้งระคายเคืองง่าย หรือผิวมัน เพื่อไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิว
1.3 ควรเป็นสูตรที่ปราศจากสบู่ ไม่มีสารกันเสียพาราเบน มีความเป็นกรดด่างที่เหมาะสม
2. บำรุงผิว: Reinforce
การใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ซึ่งจะช่วยป้องกันอนุภาคละอองฝุ่นไม่ให้เกาะติดที่ผิวได้ดีขึ้น และเป็นการเสริม ซ่อมแซมเกราะปราการชั้นผิวที่ช่วยป้องกันผิวจากมลภาวะ ในผู้ที่มีผิวระคายเคืองง่ายช่วยไม่ให้เกิดอาการแพ้ฝุ่น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารก่อระคายเคือง ไม่มีน้ำหอม ลาโนลิน ไม่ก่อให้เกิดสิว (non-comedogenic) หรือใช้ครีมบำรุงสำหรับคนเป็นสิว
นอกจากนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์มอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยลดการเกาะติดของ PM 2.5 ที่ผิวหรือมีกลไกในการสร้างฟิล์มเคลือบผิวช่วยในการปกป้อง PM 2.5 เพื่อลดการเกิดอาการแพ้ฝุ่นและระคายเคืองผิวจากฝุ่นและต้องผ่านการทดสอบภายใต้การดูแลของแพทย์
3. ปกป้องผิว: Protect
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด ที่มีส่วนผสมของสารที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันมลพิษและฝุ่นละออง PM 2.5 โดยควรเป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่สามารถป้องกันแสงแดดได้ครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB มีสารต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งอนุภาคละอองฝุ่นไม่ให้เกาะติดที่ผิว (anti-adhesion) และลดอาการแพ้ฝุ่นได้อีกด้วยการใช้ ครีมกันแดด spf 50 นอกจากจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ลดการเกิดจุดด่างดำ กระ ฝ้า ยังช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย โดยมีข้อควรระวังในการใช้ ดังนี้
3.1 แม้ว่าผู้ที่อยู่แต่ในร่ม ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นประจำทุกวัน
3.2 ควรทาให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ
3.3 ทาในปริมาณที่เพียงพอ คือ 1 กรัม หรือบีบครีมออกมายาว 2 ข้อนิ้วมือ สำหรับใบหน้า
3.4 ทาก่อนออกแดด 30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หากอยู่กลางแดดนาน
ให้ เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier ) ช่วยดูแลสภาพผิว
เครื่องฟอกอากาศ ตราแมนเนเจอร์ ( Air Purifier ) เครื่องฟอกอากาศ สามารถกรองฝุ่น ฟอกพวกไรฝุ่นได้สบายๆ เพราะมลภาวะในอากาศสามารถส่งผลเสียต่อผิวหนังและคุณภาพชีวิตได้ โดยเฉพาะผิวหนังที่เป็นโรคอยู่แล้ว อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง อักเสบ หรือมีอาการแพ้ฝุ่นง่ายขึ้น จาก oxidative stress ทำให้มีการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ และทำให้เกราะปราการของผิวหนังเสียไป
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผิวและร่างกายของเราควรพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาวะที่มีมลภาวะ ฝุ่นละอองมากและควรหาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพช่วยปกป้องผิวให้ปลอดภัยจากมลภาวะ ให้เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้คุณปราศจากมลภาวะ
ด้วยความปรารถนาดีจาก เครื่องฟอกอากาศ ตราแมนเนเจอร์ ( Air Purifier by ManNature )
ขอบคุณข้อมูลจาก larocheposay
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม