ทำไมคนถึงนิยมใช้เครื่องฟอกอากาศ
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

บทความ ทำไมคนถึงนิยมใช้เครื่องฟอกอากาศ


จากระยะเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยมีปริมาณฝุ่นสูงขึ้นถึงขั้นวิกฤติ แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ยังมีสิ่งที่ดีอยู่เสมอ เพราะมีตัวช่วยมากมายที่ทำให้เราสามารถต่อสู้กับฝุ่นและมลพิษทางอากา ซึ่งก็คือ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )

 

เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำจัดสิ่งที่ปนเปื้อนมากับอากาศ เช่น ฝุ่น แบคทีเรีย หรือไวรัส รวมไปถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ อย่าง กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นรองเท้า หรือกลิ่นเหม็นต่างๆ โดยหลักการทำงานของมันคือการดูดอากาศที่ปนเปื้อนสิ่งเหล่านี้เข้าไปผ่านกระบวนการ และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมา

 

ทำไม เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จึงจำเป็น?

 

จากงานวิจัยระบุว่าประมาณ 87 % ของคนไทยใช้เวลาอยู่ในเวลาอยู่ภายในบ้านหรืออาคาร ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่คิดว่าข้างในบ้านนั้นมีความเสี่ยงต่อมลพิษทางอากาศที่น้อยกว่า อากาศภายในบ้านน่าจะดีกว่า แต่ความจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะอากาศภายในบ้านนั้นมีโอกาสเต็มไปด้วยฝุ่น ซึ่งโดยเฉลี่ย 15 % ของฝุ่นภายในบ้านนั้นเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนลงมา (PM10) และยังพอมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ส่วนที่เหลือเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าและเป็นอันตรายมาก ยังไม่รวมสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนมากับอากาศอื่นๆ ที่ได้ยกตัวอย่างไปด้านบน แปลว่า ไม่ว่าจะอยู่นอกบ้านหรือในบ้านคุณเองก็เป็นเหยื่อของผลกระทบที่จะตามมาหลังจากสูดเอาอากาศพวกนี้เข้าไป คือโรคร้ายและปัญหาสุขภาพต่างๆ อย่างเช่น โรคภูมิแพ้ ปัญหาหัวใจและหลอดเลือด การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือแย่ที่สุด โรคมะเร็งปอด  และการที่คุณมี เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ไว้ภายในบ้านนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงต่ออันตรายพวกนี้ได้

 

เพื่อความชัดเจน จึงได้แยกมาเป็น 5 เหตุผลว่าทำไม เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ถึงจำเป็นสำหรับคุณ

 

1.ป้องกันสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ

สำหรับคนที่มีโรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัว คงเข้าใจดีกว่าเมื่อร่างกายได้สัมผัสและสูดดมฝุ่นเข้าไปแล้ว ถึงจะเป็นปริมาณที่เล็กน้อยแค่ไหน ก็สามารถทำให้อาการกำเริบได้ ซึ่ง เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จะทำหน้าที่ดักจับฝุ่น หรือสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ที่อยู่ในอากาศ เช่น เกสรดอกไม้ และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ไปยังพื้นที่นั้นๆ ทำให้คุณสามารถมั่นใจว่าอากาศที่สูดหายใจเข้าไปนั้นจะไม่มีสารก่อภูมิแพ้ใดๆ

 

2.ช่วยกำจัดขนและสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยง

ถึงแม้ว่าคุณจะพยายามทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณสะอาดแค่ไหน ก็ไม่ได้แปลว่าบ้านของคุณจะสะอาดและปราศจากเชื้อโรคอยู่ดี เพราะนอกจากขนที่ลอยอยู่ตามอากาศแล้ว ก็ยังมีปัญหาอื่นอย่าง เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว หรือน้ำลาย (ที่เป็นตัวก่อเชื้อโรค) อีกด้วย ซึ่งสามารถทำให้คนที่มีอาการแพ้เป็นอันตรายได้

 

3. ลดความเสี่ยงจากอันตรายของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์

ถ้าคุณกำลังเป็นแม่ที่กำลังจะตั้งครรภ์ คุณควรระวังอันตรายจากมลพิษทางอากาศเป็นพิเศษ เพราะผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้จากการสูดดมจุลินทรีย์ แบคทีเรีย หรือสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กที่ปนเปื้อนมาในอากาศ และอาจจะทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด ปัญหาทางเดินหายใจของทารก หรืออาจจะทำให้ทารกเสียชีวิต

 

4.กำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์

กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มาจากหลากหลายสาเหตุ เช่น กลิ่นจากบุหรี่ กลิ่นอับ กลิ่นจากสัตว์เลี้ยง หรือกลิ่นจากถังขยะในบ้าน ทำให้ส่งกลิ่นเหม็นกระจายไปทั่วทั้งบ้าน หรือบางครั้งอาจจะฝังแน่นในเฟอร์นิเจอร์ของคุณ ซึ่งถ้าใช้ชีวิตอยู่กับกลิ่นเหม็นและสูดดมมันเป็นเวลานานจะทำให้ประสาทการรับกลิ่นของคุณแย่ลง ซึ่งอาจจะทำให้การตอบสนองต่อกลิ่นช้าลง โดยการใช้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จะช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์พวกนี้ รวมไปถึงช่วยลดกลิ่นฝังแน่นและเชื้อโรคในอากาศได้อีกด้วย

 

5. ลดความเสี่ยงอันตรายจากสารเคมี

ถ้าคุณอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยเคมีภัณฑ์ เช่น สีสเปรย์ (ที่อยู่บนกำแพง) สีทาบ้าน ตัวทำละลาย (เช่น สารทำละลายที่เป็นส่วนประกอบของก๊าซต่างๆ) สารฟอกขาว (เช่น สารกันหืนในอาหาร) หรือน้ำมัน การลงทุนซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) อาจจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าเพื่อดูแลสุขภาพของคุณระยะยาว เพราะการสูดดมและอยู่กับสารเคมีเหล่านี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนจะทำให้เยื่อจมูกและหลอดลมอักเสบ หรือสามารถซึมผ่านเนื้อเยื่อเข้าสู่กระแสเลือดทำให้เป็นพิษได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก autobotvacuum

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

อุปกรณ์ เครื่องฟอกอากาศ ที่จำเป็นต้องมีติดบ้าน

เครื่องฟอกอากาศ ช่วยเลี่ยงเยื่อบุโพรงจมูก-คอ-หลอดลมอักเสบจาก PM2.5