กรีนพีช เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประเทศไทย) เผยแพร่ผ่านทวีตเตอร์ Greenpeace Thailand โดยระบุว่า กรุงเทพฯ ทำสถิติพุ่งติดอันดับที่ 9 เมืองคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก
สำหรับประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังไม่จริงจังกับการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กที่กำลังมีค่าเกินมาตรฐานอยู่ในบางพื้นที่ขณะนี้ ซึ่งหนึ่งในคำแนะนำเมื่อต้องอยู่บ้านคือการเปิด เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ซึ่งหลายบ้านอาจยังไม่มี หรือกำลังตัดสินใจซื้อ เราจึงมีคำแนะนำเรื่องการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับบ้านและอากาศที่แย่ลงทุกๆ วัน
รู้จัก เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยกำจัดฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย เชื้อไวรัส กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )จึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ สำหรับการทำงานของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) คือการดูดอากาศเข้าตัวเครื่องและผ่านตัวกรองให้ดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศ อากาศที่ออกมาจึงบริสุทธิ์และสะอาด
เราจำเป็นต้องใช้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ไหม
โดยปกติถ้าอากาศไม่ได้มีสภาพเลวร้าย อากาศไม่ได้มีฝุ่นละออง เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มีความจำเป็นมากนัก แต่ใครที่เป็นภูมิแพ้เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนี้จะเหมาะและมีความจำเป็นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่กรุงเทพฯ กำลังเผชิญกับค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐาน
ข้อดีของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )
- ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและโรคทางเดินหายใจที่เกิดจากฝุ่น เชื้อแบคทีเรีย เพราะ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จะช่วยกรองสิ่งต่างๆ ให้อากาศบริสุทธิ์
- ตัวช่วยคนเป็นโรคภูมิแพ้ มีหลายๆ บ้านอาการภูมิแพ้บรรเทาลงเพราะได้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) และยังทำให้การเป็นไข้หวัดคัดจมูกดีขึ้นด้วย
- ทำให้หลับสนิทได้มากขึ้น เนื่องจาก เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ทำให้อากาศดีขึ้น
ข้อเสียของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )
- เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ไม่ใช่เครื่องกำจัดฝุ่นละออง ดังนั้นฝุ่นละอองต่างๆ จึงยังอยู่ เพียงแต่มีเครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เป็นตัวกรองให้อากาศสะอาดขึ้น
- ไม่ใช่ตัวช่วยทำให้โรคภูมิแพ้หาย แต่ช่วยทำให้อาการทุเลาลงได้
วิธีเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )
เมื่อตัดสินใจจะเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) นี่คือปัจจัยที่ใช้พิจารณาประกอบการเลือกซื้อ
ขนาดของห้อง ใช้หลักการเดียวกันกับการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศเลยก็ว่าได้ ยิ่งห้องมีขนาดใหญ่เท่าไร ก็ต้องเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น เพื่อจะได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นวิธีการคือวัดขนาดกว้าง ยาวของห้อง แล้วดูค่าเปลี่ยนถ่ายอากาศทุกชั่วโมงของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ว่าค่าคือเท่าไร
ค่า CADR อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการพิจารณาซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) คือการดูจากอัตราเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อชั่วโมง หรือค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ซึ่งตัวเลขนี้จะได้จากการวัดปริมาณอากาศทั้งหมดที่ระบบฟอกอากาศสามารถทำความสะอาดได้ภายใน 1 นาที ซึ่งปกติจะแสดงผลเป็นตัวเลข 3 ตัวเลขคืออัตราทำความสะอาดอากาศที่มีฝุ่นละออง อากาศที่มีเกสรดอกไม้ และอากาศที่มีควันบุหรี่ ยิ่งตัวเลขสูง ย่อมแสดงว่า เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) นั้นสามารถทำงานได้ดี
Air Volume หรือ Air Flow นี่เป็นอีกสิ่งที่ควรพิจารณาประกอบการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เพราะเมื่อมีสิ่งสกปรกเข้าไปอัดแน่นอยู่เป็นจำนวนมาก มันจะเป็นเครื่องกรองที่ช่วยทำความสะอาด เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ด้วยตัวเอง
ระบบการใช้งานต่างๆ เรื่องระบบการใช้งานต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าต้องการตอบสนองความสะดวกสบายของตนเองมากน้อยแค่ไหน เช่น ระบบที่สามารถปรับระดับความเบา ความแรงของเครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )ได้เองโดยอัตโนมัติ รวมทั้งควรมีฟังก์ชั่นการตั้งเวลาเปิด-ปิดเพื่อให้เครื่องสามารถหยุดการทำงานในขณะที่เราหลับหรือไม่อยู่บ้าน
ระดับเสียง เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่ดีควรมีระดับเสียงต่ำขณะทำงาน เพราะผู้เป็นภูมิแพ้บางคนอาจต้องเปิดเครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ขณะนอนหลับ ดังนั้นจึงควรเลือกระดับเสียงในการทำงานที่มีค่าประมาณ 30-31 เดซิเบล ส่วนใครที่ไม่คิดว่าจำเป็นต้องใช้งานตอนกลางคืน อาจข้ามเรื่องเสียงไป
อะไหล่เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เมื่อต้องตัดสินใจซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) นอกจากเรื่องของระบบการทำงาน ดีไซน์ต่างๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคิดและพิจารณาไว้ล่วงหน้าเลยก็คืออะไหล่ของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่อาจต้องพิจารณาว่าถ้าเกิด เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มีปัญหาขึ้นมาในภายหลัง เราจะสามารถหาซื้ออะไหล่เหล่านั้นได้สะดวกหรือไม่ โดยเฉพาะพวกแผ่นกรองและไส้กรองต่างๆ
ประหยัดค่าไฟ ส่วนหนึ่งที่ทำให้มีผลต่อค่าไฟคือแผ่นกรอง ถ้าแผ่นกรองหนาแน่นมากอากาศผ่านได้น้อย จะยิ่งทำให้เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ทำงานหนัก และกินไฟ ดังนั้นควรเลือก เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่มีแผ่นกรองแบบที่อากาศไหลผ่านได้ดี รวมทั้งให้พิจารณาฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ร่วมด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook
อ่านบทความอื่นที่น่าสนใจ
นอกจากเครื่องฟอกอากาศแล้วอะไรที่สามารถฟอกอากาศได้เหมือนกัน
ยับยั้งโรคอันตรายจากฝุ่นPM2.5ด้วยเครื่องฟอกอากาศ