ปัจจุบันมี เครื่องฟอกอากาศ หลากหลายระบบมาก โดยวันนี้เรามาทำความรู้จัก เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ระบบ PCO ซึ่งเป็น เทคโนโลยีใหม่ ที่เราเลือกใช้กับ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ใหม่ของเรา มาดูกันว่าเป็นยังไงบ้าง
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) คืออะไร ?
เครื่องฟอกอากาศ เป็นอีกหนึ่ง เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ปัจจุบันมีความจำเป็นพอสมควร ที่ช่วยขจัดสิ่งปนเปื้อนในอากาศ ภายในห้อง หรืออาคารของเรา ที่สามารถ กรอง ไรฝุ่น , แบคทีเรีย , เชื้อโรค , ขนสัตว์เลี้ยง , ควัน , สารเคมี เป็นต้น ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ เพื่อปรับคุณภาพ อากาศ ภายในห้อง หรืออาคารให้ดีขึ้น และดีต่อสุขภาพเรา
ซึ่งที่ผ่านมา เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื้องจากโควิด ที่ระบาด และฝุ่น pm2.5 ทำให้หลายคนต่างหา เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) รุ่นที่สามารถ กรอง ฝุ่น PM 2.5 หรือเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ มาใช้ในบ้านของเรา เครื่องฟอกอากาศ จึงเป็นอีกหนึ่ง เครื่องใช้ไฟฟ้า อีกประเภทหนึ่งที่เป็นสิ่งจำเป็น เพราะ เครื่องฟอกอากาศ ไม่ได้ดีต่อเราอย่างเดียว แต่ยังส่งผลดีต่อ น้องหมา น้องแมว ของคนที่เลี้ยงอีกด้วย ดังนั้นการมี เครื่องฟอกอากาศ ที่สามารถช่วง กรอง และดับกลิ่นได้ ก็เป็นสิ่งสำคัญ
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ระบบ PCO Technology หรือ Photocatalytic Oxidation คืออะไร ?
PCO Technology หรือ Photocatalytic Oxidation เป็นอีกหนึ่ง ระบบที่ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เริ่มหันมาใช้กัน เป็นการใช้รังสี UV ควบคู่กับแผ่น Titanium Dioxide (TiO2) ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยทำให้เกิด Hydroxyl radical ที่จะรวม แบคทีเรีย เชื้อโรค ก๊าซเคมี และสารเคมี เป็นต้น แล้วย่อยสลายกลายเป็น คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
เลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ต้องพิจารณาจากบ้าง ?
1. ค่า CADR ของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เป็น ค่า CADR ( Clean Air Delivery Rate ) ที่แสดงถึงปริมาณอากาศที่ เครื่องฟอกอากาศ สามารถทำให้ อากาศ บริสุทธิ์ได้เท่าไหร่ ซึ่งยิ่งค่า CADR มีสูงมาแค่ไหน ก็เป็นการแสดงว่า เครื่องฟอกอากาศ จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากเท่านั้น
2. ความดังของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) คงไม่มีใครอยากได้ เครื่องฟอกอากาศ ที่มีเสียงดัง เพราะจะทำให้รบกวนเราได้ ทั้งการนอน การทำงาน ซึ่งไม่ใช่ผลดีแน่นอน การจะซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จึงควรคำนึงถึงเสียงด้วย โดยควรเลือกระดับเสียงในการทำงานที่มีค่าประมาณ 30 - 31 เดซิเบล เป็นระดับเสียงที่แนะนำ หรือยิ่งมีระดับที่ต่ำกว่านี้ ก็ยิ่งดี
3. ขนาดของห้อง เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ก็เหมือน เครื่องปรับอากาศ เพราะก่อนจะซื้อต้องดูขนาดห้องด้วย ยิ่งห้องมีขนาดใหญ่เท่าไร ก็ต้องเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น เพื่อให้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยใช้วิธีง่ายๆ คือ วัดขนาดกว้าง - ยาวของห้อง แล้วไปเช็คดู เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่จะซื้อเหมาะสมหรือไม่
4. ประหยัดค่าไฟ อีกหนึ่งปัจจัยหลัก คือ มีความประหยัดไฟ มากแค่ไหน เพราะทุกคนต่างก็อยากได้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่กินไฟน้อยที่สุด ซึ่งอาจพิจารณาฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็จะเป็นการเลือกที่ง่าย
5. ระบบการใช้งานต่างๆ ข้อนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าใด แต่ถ้า เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ของเรามีระบบหรือฟังชันพิเศษ เราก็คงอยากได้ เช่น ระบบที่สามารถปรับระดับความเบา ความแรงของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )ได้เองโดยอัตโนมัติ เป็นต้น
อ่านบทความเพิ่มเติม
ขจัดฝุ่น หายใจ สะดวก ควรเลือกใช้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )
วันแม่ ปีนี้ให้ เครื่องฟอกอากาศ กับคนที่คุณรัก
Tag :