เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จัดเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สำคัญมาก ๆ กับทุกบ้าน เพราะสภาพอากาศ ของทั่วโลก ในทุกวันนี้ ก็ดูจะ แย่ลง ทุกวัน ๆ มีทั้งฝุ่น แบคทีเรีย เชื้อโรค และ สารเคมี จึงทำให้ มนุษย์ หายใจ ลำบาก มากยิ่งขึ้น
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ ก็จะมี เทคโนโลยี การกรอง อากาศ หรือ ฟอกอากาศ ที่แตกต่าง กันออกไป แต่โดยหลัก ๆ แล้ว จะต้องมีสิ่ง ที่เรียกว่า แผ่นกรองอากาศ แต่บางเครื่อง ก็ไม่มี แผ่นกรองอากาศ เช่น เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ประจุลบ สำหรับ แผ่นกรองอากาศ ก็จะมี หลายชั้น เพราะว่า ในแต่ละชั้น ก็จะมีหน้าที่ ที่จะต้อง ดักจับ ดูดซับ สิ่งต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ ภายใน อากาศ และ ถูกดูด เข้ามา ภายใน เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่แตกต่าง กันออกไป อย่างเช่น ละอองเกสร ของดอกไม้ ฝุ่นละออง ขนาดใหญ่ PM 10 ฝุ่นละออง ขนาดเล็ก หรือ ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 รวมถึง กลิ่นที่ ไม่พึงประสงค์ ชนิดต่าง ๆ สารเคมี เชื้อโรคต่าง ๆ อย่าง เชื้อรา แบคทีเรีย แต่ส่วนมาก จะกรอง เชื้อไวรัส ไม่ได้ เพราะจะมี ขนาดที่ เล็กมาก ๆ เกินกว่าที่ แผ่นกรองอากาศ จะสามารถ กรองได้ นั่นเอง
เรื่องที่ สำคัญมาก ๆ จะต้องเลือก เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่มีขนาด เหมาะสม กับพื้นที่ ห้องของเราด้วย โดยแต่ละตัว ก็จะมีสเปค และ ขนาด ที่ระบุ อย่างชัดเจน อยู่แล้วว่า เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เครื่องนี้ รองรับพื้นที่ กี่ตารางเมตร ซึ่งแน่นอน เราต้อง คำนวณ พื้นที่ ของห้องเรา ก่อนที่จะ เลือกซื้อ เพราะถ้าห้อง มีขนาดใหญ่ แต่ทว่า เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มีขนาดเล็ก ก็คงจะ ไม่มีประโยชน์ ที่จะนำ มาใช้
ทางที่ดี เราควร เลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่รองรับ พื้นที่ ได้มากกว่า พื้นที่ห้อง ที่จะนำ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ไปวาง ไว้จริง ๆ อย่างเช่น ห้องมีขนาด 20 ตารางเมตร ควรเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่รองรับ พื้นที่ ขนาด 25-30 ตารางเมตร เพื่อให้ได้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่มีประสิทธิภาพ จากการ ฟอกอากาศ แบบจริง ๆ
เพราะการ หายใจ เป็นเรื่อง ที่สำคัญ ต่อชีวิต ของเรา เป็นอย่างมาก ดังนั้น เราควร เลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่ดี และ มีคุณภาพ ตรงตาม ความเหมาะสม ของพื้นที่ ภายในบ้าน หรือ ห้องนอน ของเราด้วย
อ่านบทความเพิ่มเติม
Tag :