ในปัจจุบันนี้ เราสามารถ ดูแลตัวเอง และ คนในบ้าน ด้วยเครื่องใช้ดี ๆ แบบ เครื่องฟอกอากาศ ช่วยให้ ลมหายใจ บริสุทธิ์ ปลอดภัยจากโรคร้าย ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) นั้น คืออะไร ?
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) เป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สามารถกำจัดสิ่งที่ปนเปื้อน มากับอากาศ อาทิ พวกฝุ่น เชื้อแบคทีเรีย หรือว่า ไวรัส รวมไปถึงกลิ่น ที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ อย่าง กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นเหม็นอับ ของรองเท้า หรือ่า กลิ่นเหม็นต่าง ๆ โดยหลักการ ในการทำงานของมัน ก็คือ การดูดอากาศ ที่ปนเปื้อนสิ่งไม่พึงประสงค์เหล่านี้ เข้าไปผ่านกระบวนการ และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมา ทำให้เรา ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์มากขึ้น
เพราะเหตุใด เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) จึงจำเป็นสำหรับบ้าน ?
จากงานวิจัย ได้ระบุว่าประมาณ 87 % ของคนไทย ใช้เวลาอยู่ภายในบ้าน หรือว่า อาคาร ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า เหล่าคนส่วนใหญ่คิดว่าข้างในบ้านนั้น มีความเสี่ยงอย่างมาก ต่อมลพิษ ทางอากาศที่น้อยกว่า อากาศภายในบ้าน คงน่าจะดีกว่า แต่ทว่า ความจริง กลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะว่า อากาศภายในบ้านนั้น มีโอกาสเต็มไปด้วยฝุ่น ซึ่งโดยเฉลี่ยประมาณ 15 % ของฝุ่นภายในบ้านนั้น เป็นฝุ่นละออง ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนลงมา หรือ ( PM10 ) และยังสามารถพอมองเห็น ได้ด้วยตาเปล่า โดยส่วนที่เหลือเป็นฝุ่น ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ( PM2.5 ) นั้นที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า และถือเป็นอันตรายมาก โดยยังไม่รวมพวกสิ่งสกปรก ที่อาจปนเปื้อน มากับอากาศอื่น ๆ ดังที่ได้ยกตัวอย่างไปแล้ว โดยนั่นแปลว่า ไม่ว่าจะอยู่นอกบ้าน หรือว่าภายในบ้านคุณเองนั้นก็เป็นเหยื่อ ของผลกระทบที่อาจจะตามมาได้ หลังจากที่สูดเอาอากาศพวกนี้เข้าไป ก็จะทำให้เกิด โรคร้าย และปัญหาพวกสุขภาพต่าง ๆ อาทิ โรคภูมิแพ้, ปัญหาหัวใจ และโรคหลอดเลือด การติดเชื้อขึ้นภายในระบบทางเดินหายใจ หรือว่าแย่ที่สุดนั้น ก็คือ โรคมะเร็งปอด และถ้าหากว่าคุณมี เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ไว้ภายในบ้านนั้น นั่นจะช่วยลดความเสี่ยง ต่ออันตรายพวกนี้ได้
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) กรองเชื้อไวรัสได้อย่างไร ?
เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ระบบกรองจะใช้แผ่นกรอง ในการกำจัดอนุภาค ออกจากอากาศไป ด้วยการจับให้ติดอยู่กับโครงตาข่าย โดยส่วนใหญ่แล้ว เจ้าตาข่ายนั้นแบ่งออกเป็นชนิดใยแก้วแท้และใยสังเคราะห์ ซึ่งแต่ละชนิดนั้นมีข้อดี และข้อเสีย ที่แตกต่างกัน ไปดูกันเลย ว่ามีแบบไหนบ้าง
● แผ่นกรอง HEPA หรือ ( High Efficiency Particulate Air ) นั้นส่วนมากผลิตจากใยสังเคราะห์ที่มีการเพิ่มประจุไฟฟ้าสถิตไว้บนเส้นใยเพื่อไปช่วยดักจับอนุภาคให้ติดกับตาข่ายซึ่งมีข้อจำกัดมากกว่า เพราะเมื่อใช้ไประยะหนึ่งตัวกรองจะสะสมอนุภาคไว้มากจนเกินไปจนเต็ม ประจุไฟฟ้าสถิตบนเส้นใย ที่สามารถช่วยดึงอนุภาคไว้ก็จะลดลงด้วย ความสามารถในการกรองจึงสูญเสียไปเมื่อใช้กรองไปสักระยะหนึ่ง
● มาตรฐานที่ใช้อ้างอิงแผ่นกรอง HEPA นั้นเทียบการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนเท่านั้น หรือว่ามีขนาดใหญ่กว่าไวรัสทั่วไปถึง 3 เท่า ( ไวรัสที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ 0.02 ไมครอน ) ส่วนมาตรฐานที่ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) นิยมอ้างอิงคือ CADR – Clean Air Delivery Rate ซึ่งเป็นการทำการทดสอบเพียง 20 นาที และ ทดสอบเพียงฝุ่น เกสรดอกไม้ ควันบุหรี่ เท่านั้น จึงไม่สามารถสะท้อนประสิทธิภาพที่แท้จริง หากต้องใช้ในชีวิตประจำวันได้
● แผ่นกรองระดับ HyperHEPA ผลิตจากใยแก้วแท้ซึ่งมีความละเอียดถึง 0.003 ไมครอน จึงสามารถช่วยกรองอนุภาคขนาดเล็กละเอียด ( Ultrafine particles ) ขนาด 0.1 ไมครอนได้ หากนำมาเปรียบเทียบ กับอนุภาคในอากาศที่เล็กที่สุดในโลกที่ได้ถูกค้นพบคือ 0.003 ไมครอน ไวรัสที่เล็กที่สุดในโลกมีขนาด 0.02 ไมครอน ส่วนไวรัสสายพันธุ์โคโรนานั้นมีขนาดประมาณ 0.06 ถึง 0.14
โดยเหล่าไมครอน ทั้งหมดนี้เล็กกว่า PM 2.5 หลายร้อยเท่า และ นั่นไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า โดยแผ่นกรองระดับ HyperHEPA ที่ผลิตจากวัสดุใยแก้วแท้ นั้นมีคุณสมบัติในการดักจับอนุภาคเหล่านี้ได้ดีกว่า และ ยังทำงานได้เต็มที่ตลอดอายุการใช้งาน
รู้แบบนี้แล้ว ควรซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ติดบ้านเอาไว้เลยนะทุกคน
อ่านบทความเพิ่มเติม
Tag :