เครื่องฟอกอากาศ กับตัวช่วยที่สร้างอากาศดีๆ ในบ้าน
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

บทความ เครื่องฟอกอากาศ กับตัวช่วยที่สร้างอากาศดีๆ ในบ้าน


วิธีที่ถูกต้อง ในการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )

 

1. ควรดูฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ ของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )

ทุก ๆ วันนี้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) หลาย ๆ รุ่น ไม่ได้ทำหน้าที่แค่การกรองอากาศ หรือว่ากำจัดกลิ่น บางรุ่นยังมีฟังก์ชันเสริม ที่น่าสนใจอย่างมากเลย ไม่ว่าจะเป็น เซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ การแจ้งเตือนให้เรารู้ เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรอง การควบคุมความแรงลม หรือว่า ตรวจสอบการทำงาน และ การสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ เหล่านี้เอง ก็ช่วยให้คุณนั้น สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

 

2. ตรวจเช็คขนาดห้อง ที่จะใช้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )

ทริคง่าย ๆ ในการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) มีความใกล้เคียง กับการเลือกซื้อ เครื่องปรับอากาศ นั่นก็คือ ต้องพิจารณาขนาดห้อง ที่เราจะใช้งานว่ามีขนาดกี่ตารางเมตร ซึ่งสเปคของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ส่วนใหญ่นั้น จะมีระบุพื้นที่ตารางเมตร ในการใช้งานอยู่ เมื่อเรารู้ขนาดห้อง การระบุสเปค ของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ให้ครอบคลุม กับขนาดห้อง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก อย่างเช่น ห้องมีพื้นที่ 20 ตารางเมตร ก็แนะนำให้เลือก เครื่องฟอกอากาศ ที่ระบุว่า เหมาะกับห้อง ที่มี ขนาด 25 - 30 ตารางเมตร นอกจาก เราจะได้ เครื่องฟอกอากาศ ที่เหมาะสม กับขนาดห้อง ของเราแล้ว ยังช่วยให้ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) นั้นทำงาน ในการฟอกอากาศ ได้อย่างดีเยี่ยม เต็มประสิทธิภาพอีกด้วย

 

 

air-purifier-with-a-helper-that-creates-good-air-in-the-house

3. ระบบกรองอากาศ หรือไส้กรอง ของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )

ระบบกรองอากาศ หรือว่าไส้กรอง ที่อยู่ด้านใน นั้นเปรียบเสมือนหัวใจของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) หากต้องการ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่สามารถดักจับสิ่งสกปรก สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน ก็ควรเลือกฟิลเตอร์กรองอากาศ แบบเทคโนโลยี HEPA เพื่อทำให้อากาศภายในบ้านของเรานั้น สะอาดสดชื่น หรือว่าถ้าหากต้องการให้ฝุ่นละอองในอากาศตกลงสู่พื้น เพื่อลดการฟุ้งกระจายอยู่ภายในอากาศ แนะนำให้เลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ที่มีระบบไอออนไนเซอร์ ที่มีเทคโนโลยีการปล่อยประจุไอออนออกมา นอกจากจะดับจับฝุ่นในอากาศแล้ว ก็ยังช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงไวรัสในอากาศได้อีกด้วย

 

4. ค่า Airflow หรือ Air Volume ของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )

เป็นค่าความเร็วในการกรองอากาศ ยิ่งมีค่า Airflow สูงก็หมายความว่าเครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้น ก็มีประสิทธิภาพในส่งอากาศสะอาดได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นที่ผู้ใช้งานสามารถปรับความเร็วลมเองได้ หรือว่าตัวเครื่องปรับค่าความเร็วลมได้อัตโนมัติ เมื่อพบว่าสภาพอากาศในห้องมีสิ่งแปลกปลอมมากเกินไป

 

5. ค่า CADR ของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )

สำหรับค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) เป็นค่าตัวเลขที่ได้จากการวัดปริมาตรอากาศบริสุทธิ์ที่เครื่องฟอกอากาศนั้นสามารถผลิตได้ต่อนาที เพราะฉะนั้น ถ้าเครื่องฟอกอากาศที่คุณเลือกมีค่า CADR สูงมาก แปลว่าเครื่องฟอกอากาศนั้นทำงานได้ดีมากนั่นเอง โดยสามารถดูค่า CADR ได้จากข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือดูคู่มือการใช้งานของเครื่องฟอกอากาศ

 

6. ระดับเสียง ของ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier )

หากต้องการนำ เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ไปวางไว้ในห้องนอน ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีระดับเสียงต่ำ หรือมีโหมดเงียบ (sleep mode) เพื่อไม่ให้เสียงของเครื่องฟอกอากาศรบกวนการนอน หรือการพักผ่อนของคุณ อีกด้วย

 

รู้แบบนี้แล้ว การเลือก เครื่องฟอกอากาศในบ้าน อย่างถูกต้อง และดีที่สุด สำหรับทุก ๆ ท่าน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

วิธีการดูแล เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ง่ายๆด้วยตัวเอง

เครื่องฟอกอากาศ ( Air Purifier ) ช่วยลด มลพิษ อันตราย ภายในบ้าน


Tag :