ในปัจจุบันมีการป่วยเพราะเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น ทั้งแพ้อากาศ แพ้อาหาร ซึ่งแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงของอาการที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ป่วยเล็กๆน้อยๆไปจนถึงขั้นเสียชีวิต คุณจึงต้องดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้และสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เคล็ดลับห่างไกล “โรคภูมิแพ้” จะเป็นอย่างไรบ้าง ดังนี้
โรคภูมิแพ้เกิดจากอะไร
โรคภูมิแพ้ (Allergy) เป็นอาการที่พบได้ทุกทั่วมุมโลกเพราะเป็นภาวะความผิดปกติที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ไวต่อส่งกระตุ้น ได้แก่ ไร้ฝุ่น ละอองเกสรของพืช หรือ อาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้แม้กระทั่งกับคนปกติ แต่ในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงมากกว่าคนปกติทั่วไป ได้แก่ น้ำมูกไหล จาม คัดจมูก เยื่อบุตาขาวแดง ไอ หอบ อาการแพทีเกิดขึ้นส่วนมากจะไม่รุนแรงแต่บางครั้งอาจจะเกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงแบบเฉียบพลันก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะช็อกและมีอันตรายถึงชีวิตได้ สาเหตุของภูมิแพ้ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมและพันธุกรรม ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติในการเป็นภูมิแพ้อาจะส่งผลกระทบให้คุณเป็นภูมิแพ้ได้ด้วย ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนมากมาจากไรฝุ่น ฝุ่นภายในบ้าน ขนสัตว์ โรคภูมิแพ้นั้นแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
1.โรคภูมิแพ้ที่เกิดกับทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหืด
2.โรคภูมิแพ้ที่ทำให้โพรงจมูกอักเสบ หรือ โรคแพ้อากาศ
3.โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากผิวหนัง
4.โรคภูมิแพ้ทางดวงตา
5.โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการเกิดขึ้นกับหลายระบบ
วิธีรักษาโรคภูมิแพ้
วิธีรักษาโรคภูมิแพ้ที่ดีที่สด คือ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ได้แก่ สัตว์เลี้ยง อาหาร ไรฝุ่น ฯลฯ หากสัมผัสสิ่งใดแล้วเกิดอาการแพ้ก็ควรทีจะเลิกใช้ หรือ หยุดรับประทานสิ่งนั้นและรับปะทานยาแก้แพ้ ซึ่งสารต้านฮีสตามีนที่ช่วยบรรเทาอาการแพ้ได้แต่ในผู้ที่มีอาการแพ้ที่หนักอาจจะต้องรับการฉีดอะดรีนาลีนเพื่อบรรเทาอาการ โรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่แล้วสามารถรักษาให้หายได้แต่ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดใดเพราะภูมิแพ้บางชนิดก็ไม่มีทางหายขาดได้ ยกตัวอย่างเช่น แพ้อาหารเพราะถ้าหยุดรับประทานอาหารที่ทำให้แพ้ก็จะช่วยให้หายขาดได้ ผู้ที่ป่วยโรคโพลงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และโรคหืดจะมีโอกาสน้อยมากขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการรักษาและความรุนแรงของโรค โรคภูมิแพ้นั้นเป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวมาก สิ่งที่สำคัญคือต้องดูแลตัวเองให้ดี เลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างต่อเนื่องและรีบไปหาแพทย์เมื่อมีอาการที่รุนแรง
สารก่อโรคภูมิแพ้ในบ้าน
สารก่อภูมิแพ้ คือ สารที่เมื่อร่างกายได้รับแล้วไม่ว่าจะโดยกาสัมผัสกับผิวหนัง ได้กลิ่น หายใจ หรือ เข้าสู่ร่างกาย สารเหล่านี้ก็จะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายก่อให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้
1.ไรฝุ่น
ไรฝุ่นเป็นแมลงขนาดเล็กที่ไม่สามารถองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งสามารถอยู่กับฝุ่นตามพื้นบ้าน ที่นอน ห้องนอน หมอน พรม หรือ เฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ไรฝุ่นนั้นจะอาศัยอยู่บริเวณที่อับชื้นและอบอุ่น มูลของไรฝุ่นสามารถฟุ้งกระจายได้ง่ายและลอยเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของคุณได้ในขณะที่คุณนอนหลับ จึงเป็นสาเหตุในการที่เป็นโรคทางเดินหายใจ หรือ โรคภูมิแพ้
2.เชื้อรา
เชื้อรานั้นสามารถพบได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เชื้อราในบ้านมักจะพบในบริเวณที่มืดๆและมีความชื้น ได้แก่ ห้องครัว ห้องน้ำ ซึ่งเมื่อหายใจเอาสปอร์ของราเข้าไปก็จะเกิดอาการคัดจมูกเพราะสปอร์มีขนาดเล็กมากและมักจะเล็ดรอดเข้าไปในปอดทำให้เกิดโรคหอบหืด
3.สัตว์เลี้ยง
หลายๆคนอาจจะคิดว่าแพ้เศษขนจากสัตว์เลี้ยง ได้แก่ ขนแมว ขนสุนัข ฯลฯ แต่สารที่สำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ คือ โปรตีนที่อยู่ในเศษขี้ไคล น้ำลาย หรือ ฉี่ ซึ่งสัตว์เลี้ยงหลายชนิดจะมีโปรตีนเหล่านี้ทำให้หลายๆคนมีอาการภูมิแพ้หลังจับ หรือ เล่นกับสัตว์เลี้ยง
4.แมลง
เศษแมลงในบ้านรวมไปถึงแมลงสาบอาจเข้าร่างกายคนโดยการสูดหายใจเข้าไป ซึ่งมักจะเกิดโรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหืดจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
5.ละอองเกสร
บ้านที่มีสวน ปลูกต้นไม้เอาไว้อาจจะเป็นหนึ่งในสารก่อภูมิแพ้ได้ ถ้าหากแพ้ละอองเกสรจากพืชเพราะโดยปกติละอองเกสรจะลอยอยู่ในอากาศนอกบ้านแล้วจะถูกลมพัดมาติดตามมุ้งลวด หรือ เข้ามาในบ้าน
เคล็ดลับห่างไกล “โรคภูมิแพ้”
1.จัดบ้านให้มีแสงแดดส่องเข้ามาในบ้าน
แสงแดดนั้นจะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ส่วนหนึ่งและยังทำให้บ้านไม่อับชื้นจึงควรมีหน้าต่างที่เปิดม่านให้แสงแดดส่องเข้ามา ไม่ควรจัดของ หรือ เฟอร์นิเจอร์ให้บังหน้าต่างและอาจจะเปิดหน้าต่างให้อากาศในห้องได้ถ่ายเทได้ระบายออก
2.เลี่ยงการใช้พรมจัดบ้าน
พรมนั้นเป็นที่นิยมในประเทศที่มีอากาศหนาวเพราะทำให้พื้นอบอุ่น แต่สำหรับเมืองร้อนอย่างประเทศไทยไม่จำเป็นต้องปูพรมในบ้านเพราะไม่เหมาะกับสภาพอากาศและยังเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ถ้าคุณอยากแต่งบ้านด้วยพรมให้หมั่นทำความสะอาด ดูดฝุ่น ทำความสะอาดเป็นประจำ
3.เลือกที่นอนวัสดุสังเคราะห์
ที่นอนของคุณควรใช้เป็นที่นอนวัสดุสังเคราะห์เพราะสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและไม่ควรใช้นุ่น ขนนก ฟองน้ำ ผ้าสำลี ผ้าขนสัตว์ อาจจะทำให้เกิดสะสมสารก่อภูมิแพ้และฟุ้งกระจายในอากาศ ซึ่งเมื่อคุณสูดดมเข้าไปแล้วอาจจะทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจได้
4.เลือกใช้ผ้าม่าน ปลอกโซฟาที่ซักได้
ผ้าม่านและโซฟาเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่อาจจะลำบากในการทำความสะอาด หลายๆที่จึงไม่ยอมทำความสะอาด ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของสารก่อภูมิแพ้ในบ้านได้ วิธีการจัดบ้านให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ คือ ควรเลือกโซฟาที่มีปลอกสามารถถอดออกมาซักได้ ส่วนผ้าม่านถ้าไม่นำมาซักอาจจะเลือกม่านแบบมูลี่ที่เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายแทนก็ได้
5.เลือกเฟอร์นิเจอร์ไม่มีขา มีบานสำหรับเปิด-ปิด
เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบไม่มีขาเพราะถ้าตู้ หรือ เตียง วางแนบสนิทกับพื้นจะช่วยลดปัญหาฝุ่นสะสม แต่ถ้าคุณออยากได้เฟอร์นิเจอร์แบบขาลอยควรมีขาสูงพอที่จะให้เครื่องดูดฝุ่น หรือ ไม้ม็อบยื่นเข้าไปทำความสะอาดใต้เฟอร์นิเจอร์ได้ ตู้เก็บของหรือตู้โชว์ควรเป็นแบบที่มีบานปิดเพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าจับตามสิ่งของที่วางบนชั้น
6.เครื่องฟอกอากาศ หรือ เครื่องกรองอากาศ
เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) มีส่วนช่วยอย่างมากในการมอบอากาศที่บริสุทธิ์ให้กับคุณเพราะที่ขั้นตอนในการกรองอย่างละเอียด ดังนี้
1.ขั้นที่ 1 แผ่นกรองฝุ่นหยาบ ละออง เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ใยผ้า
2.ขั้นที่ 2 กล่องดักจับฝุ่นละเอียดระบบ Electrostatic Plasma (Germany EPPO Filter Shield Purification Technology) Electrostatic Ion
- มีประสิทธิภาพสูงมากในการดักจับฝุ่นที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 - 0.3 Micron ด้วยเทคโนโลยี Electrostatic Adsorption Pressure การดูดติดผิว เป็นกระบวนการดูดโลหะหนัก ไอปรอท ควันไฟ ไอเสียจากรถยนต์ และกักฝุ่นละอองขนาดเล็กให้ติดอยู่บนผิวของแผ่นกรอง
- กำลังไฟฟ้าสถิตขนาด 6,000 วัตต์ สร้างโอโซนเพื่อทำลายวงจรการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ทำลายกลิ่น สารเคมี และก๊าซพิษได้ดีเยี่ยม ไม่ทิ้งพิษตกค้าง Plasma
การปล่อยอนุภาคประจุไฟฟ้าบวก (H+) และประจุไฟฟ้าลบ (OZ-) ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่มีอยู่ในธรรมชาติเข้าไปในอากาศพร้อม ๆ กัน เพื่อทำลายผนังเซลล์เชื้อรา ฆ่าเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ สลายสารก่อภูมิแพ้ ขจัดกลิ่นบูดเน่า กลิ่นอับชื้นต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน ผนังห้องต่าง ๆ ส่งผลทำให้อากาศสะอาดบริสุทธิ์
3.ขั้นที่ 3 แผ่นกรองคาร์บอนเข้มข้น สามารถดูดซับสารเคมีที่เป็นพิษ ได้แก่ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และ Formaldehyde สารพิษที่แฝงตัวอยู่ในอากาศระเหยเป็นไอได้ง่ายที่อุณหภูมิปกติ ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ สารพิษนี้จะอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน อาทิ สีทาบ้าน น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาฟอกสี น้ำยาซักแห้ง ยาฆ่าแมลง ควันบุหรี่ ควันไฟ
4.ขั้นที่ 4 แผ่นกรอง Active Oxygen ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณโอโซนที่ปล่อยออกมาให้อยู่ในระดับ 0.05 PPM (มาตรฐานสากล) ซึ่งเป็นปริมาณโอโซนในธรรมชาติบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์
5.ขั้นที่ 5 แผ่นกรอง Catalyst (TI02) ทำหน้าที่เร่งการดูดซับมลพิษทางอากาศ อาทิ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NOx) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และสารอินทรีย์ระเหยง่าย(VOCs) ที่เป็นสาเหตุของการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 และสามารถกำจัดผนังเซลล์ของเชื้อจุลินทรีย์ รวมถึงสารอินทรีย์ที่ทำให้เกิดกลิ่น ทำให้จุลินทรีย์และสารมลพิษต่าง ๆ สลายตัวไป
6.ขั้นที่ 6 LED UV ประหยัดพลังงาน ฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99.9%
7.ขั้นที่ 7 อัตราการฟอกอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Delivery Rate-CADR) อยู่ที่ 190 ลบ.ม/ชม.
ค่า PM หรือ Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของทาง US. EPA (United state Environmental Protection Agency) สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด
- PM 10 มีคำเรียกโดยทั่วไปว่า ฝุ่นหยาบ (Course Particle) เป็นอนุภาคที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 - 10 ไมครอน มีแหล่งกำเนิดจากการจราจรบนท้องถนนที่ไม่ได้ลาดยาง ตามการขนส่งวัสดุ ฝุ่นจากงานกิจกรรม บด ย่อยหิน
- PM 2.5 มีคำเรียกโดยทั่วไปว่า ฝุ่นละเอียด (Final Particles) จัดเป็นอนุภาคที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มีแหล่งกำเนิดมาจากควันเสียของรถยนต์ โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม ควันที่เกิดจากการหุงต้มอาหารโดยใช้ฝืน นอกจากนี้ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2), ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx), สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ก็อาจเกิดปฏิกิริยาก่อให้เกิดฝุ่นละเอียดได้เช่นกัน
ด้วยความปรารถนาดีจาก
เครื่องฟอกอากาศ ตราแมนเนเจอร์ (Air Purifier by ManNature)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook