10 เรื่องที่ต้องทบทวน ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

บทความ 10 เรื่องที่ต้องทบทวน ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ


     เราต่างใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับฝุ่นละอองจนเริ่มมีปัญญาทางเดินหายใจ จนต้องมองหาตัวช่วยอย่างเครื่องฟอกอากาศ เพราะถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์จำเป็นซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการจนแทบจะขาดตลาด

 

     การจะลงทุนกับเครื่องฟอกอากาศนั้น จะต้องลงทุนอย่างน้อย 3,000 – 4,000 บาทขึ้นหรืออาจเข้าขั้นหลักหมื่น เพื่อจะได้เครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพดีมาใช้ในบ้าน ดังนั้นการจะเสียเงินทั้งทีควรมีหลักเกณฑ์ว่าควรจะดูอะไรบ้างก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศสักเครื่อง

 

  1. พื้นที่ใช้งาน

     จะต้องพิจารณาก่อนว่า ห้องที่เราจะไปวางเครื่องฟอกอากาศ มีขนาดกี่ตารางเมตร เพราะกำลังการทำงานของเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นถูกออกแบบตามขนาดพื้นที่ใช้งานจำกัด เหมือนกับเครื่องปรับอากาศ ห้องใหญ่ก็ต้องใช้เครื่องที่มีบีทียูสูงๆ แน่นอนว่าเรื่องนี้มีผลกับราคาด้วย เช่น ในรุ่นเดียวกันเครื่องสำหรับพื้นที่ 22 ตารางเมตร ก็ย่อมราคาถูกกว่าที่ใช้กับพื้นที่ 42 ตารางเมตร

 

  1. ชนิดของแผ่นกรองอากาศ

     เครื่องกรองอากาศมักมีคำโฆษณาหลากหลาย บ้างบอกว่าป้องกันการแก้แพ้อากาศ บ้างบอกว่าป้องกันฝุ่น บ้างบอกช่วยแก้ปัญหากลิ่น บางรุ่นสามารถกรองก๊าซพิษต่างๆ ได้ ซึ่งประเภทของ ‘แผ่นกรองอากาศ’ เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ เนื่องจากแผ่นกรองแต่ละแบบกรองฝุ่นได้ไม่เท่ากัน คำที่พบเห็นบ่อย คือ แผ่นกรองอากาศเฮปา HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) ที่กำลังเป็นที่นิยมเพราะถือว่าเป็นตัวกรองที่สามารถกำจัดฝุ่นละอองได้ถึงขนาด 0.3 ไมครอน

 

  1. ราคาแผ่นกรองอากาศ

     ราคาแผ่นกรองอากาศเป็นอีกปัจจัยที่ต้องนำมาคำนวณ ว่าราคาเท่าไร และต้องเปลี่ยนถี่แค่ไหน ส่วนใหญ่มักให้เปลี่ยนที่ทุก ๆ 6–12 เดือน และมีอายุการใช้งานไม่เท่ากัน บางครั้งเครื่องกรองราคาไม่แพง แต่ใช้แผ่นกรองแบบบาง ๆ ที่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ แถมยังราคาแพง นั่นอาจหมายถึงค่าใช้จ่ายที่จะงอกเพิ่มขึ้นในอนาคต

 

  1. CADR + Airflow บอกพลังลมสะอาด

     ค่า CADR หรือ Clean Air Delivery Rate เป็นค่าที่บอกว่าเครื่องฟอกอากาศนี้สร้างปริมาณอากาศบริสุทธิ์ได้เท่าไรใน 1 นาที ถ้าตัวเลขนี้เยอะก็แปลว่ามีประสิทธิภาพการฟอกอากาศได้ดี เป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่ควรดูเปรียบเทียบกัน

ส่วนค่า Airflow ใช้วัดความเร็วในการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ยิ่งสูงก็หมายความว่าใช้เวลากรองอากาศออกมาได้เร็วนั่นเอง

 

  1. ขนาด การออกแบบ และน้ำหนัก

     เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสวยงามและความสะดวกในการใช้งาน นอกจากเลือกที่การออกแบบ สี วัสดุ ให้ถูกใจและเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านแล้ว ต้องคิดด้วยว่าซื้อนำไปวางไว้มุมไหนของบ้าน จะตั้งเครื่องอยู่กับที่หรืออยากให้หยิบยกเคลื่อนย้ายได้สะดวก ซึ่งสำหรับกรณีที่ต้องเคลื่อนย้ายควรเลือกแบบน้ำหนักไม่มาก เพื่อให้เคลื่อนย้ายได้ง่าย

 

  1. เสียงดังแค่ไหน

     อย่าลืมดูคุณสมบัติของเครื่องว่า ขณะที่เปิดใช้งานแรงสุดเครื่องฟอกอากาศนั้นส่งเสียงหึ่มๆ ออกมาดังขนาดไหน รบกวนการนอนหลับพักผ่อนของเราหรือไม่ หากจะเปิดในเวลากลางคืนคนที่นอนหลับยาก ก็ควรพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย

 

  1. ฟังก์ชั่นพิเศษ

     ขึ้นอยู่กับคนใช้งานว่าต้องการฟังก์ชั่นพิเศษอะไรหรือไม่ที่นอกจากการฟอกอากาศ เช่น การตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ ระบบสั่งการด้วยรีโมท หรือแอปพลิเคชั่นบนมือถือ บางคนอาจสนใจรุ่นที่มีตัววัดฝุ่นบอกตัวเลขในตัว

 

  1. กรองอากาศ พร้อมกับรักษาระดับความชื้น

     เพื่อให้คนรู้สึกอยู่สบายมากขึ้น เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นจึงมีตัวเพิ่มความชื้นในอากาศ เพื่อไม่ให้อากาศแห้งเกินไป

 

  1. กินไฟหรือไม่

     เครื่องทุกรุ่นมักบอกกำลังวัตต์ว่าเครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นมีอัตราการกินไฟเท่าไร ยิ่งวัตต์สูงก็จะยิ่งกินไฟมาก

 

  1. มีรับประกันไหม

     อย่าลืมดูด้วยว่าเครื่องฟอกอากาศนั้นให้ระยะเวลาของการรับประกันนานเท่าไร และต้องพิจารณาความยากง่ายของการหาอะไหล่ด้วย ซึ่งการเลือกยี่ห้อที่นิยมในไทยหรือมีศูนย์บริการในประเทศเยอะ จะช่วยให้อุ่นใจได้ในยามที่เครื่องมีปัญหาได้

 

     การจะซื้อเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นและยี่ห้อนั้น สิ่งสำคัญก่อนการตัดสินใจซื้อก็คือ ต้องรู้ความต้องการของตัวเองให้แน่ชัด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและพอใจกับเงินที่จ่ายไป

 

 

ด้วยความปรารถนาดีจาก เครื่องฟอกอากาศ ตราแมนเนเจอร์ (Air Purifier by ManNature)

 

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก themomentum